13 พฤษภาคม 2556

Fifty Shades of Grey

Fifty shades of Grey


หนังสือเล่มแรกของนิยายไตรภาค Fifty shades
อันประกอบไปด้วย Fifty shades of Grey
Fifty shades Darker
และ Fifty shades of Freed
เขียนโดย E L James นักเขียนผู้โด่งดังในชั่วข้ามคืน
ทันทีที่นิยายเล่มแรกของเธอ (และเล่มแรกของไตรภาคนี้)  Fifty shades of Grey
เปิดตัวออกมาในปี 2011


และแม้ข้าพเจ้าจะแว่วข่าวถึงความโด่งดังของนิยายเรื่องนี้
แต่ก็ตามเคย..ด้วยความเป็นนักอ่าน นักดูที่หลีกเลี่ยงสปอยล์เต็มที่
(แต่แน่นอนว่ายามรีวิวหนังสือ ข้าพเจ้าก็จะสปอยล์ผู้อ่านเต็มที่ ^^"
ดังนั้นหากเป็นนักอ่านประเภทเดียวกัน โปรดหลีกเลี่ยงรีวิวนี้เถิดจะเกิดผล)


จึงไม่รู้จริงๆว่าเนื้อหาสาระของมันว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับอะไร
เรื่องจึงเริ่มต้นง่ายๆแค่เห็นมีฉบับแปลเป็นไทยแล้ว จำชื่อได้ ก็หยิบไปจ่ายตังค์
แปลกใจอยู่เหมือนกันแหละที่หน้าปกเขียนระบุไว้ว่า "21+"
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป
เกือบแนบบัตรประชาชนให้น้องพนักงานขายแล้วด้วย กลัวเค้าไม่กล้าขายให้
(ช่างกล้า ...>.<)


น้องพนักงานขายชวนคุยว่า ไม่รับเป็น  Box Set ไปเลยล่ะ
ข้าพเจ้าจึงเพิ่งรู้ว่า หนังสือเล่มนี้มันเป็น Trilogy (มีเรื่องให้เสียเงินยาวอีกแล้วครับท่าน >.<)
แล้วน้องก็ยังชวนคุยโน่นนี่ ว่ารู้เรื่องราวมาบ้างแล้วใช่ไหม ถ้าอ่านไม่ครบก็เหมือนดูหนังไม่รู้ตอนจบนะ
บลาๆๆ ข้าพเจ้าก็ได้แต่ยิ้ม อมภูมิที่ไม่ค่อยจะมี พลางนึกสงสัยเต็มที่ว่ามันเกี่ยวกับเรืองอะไรว้า
ปกติซื้อหนังสือไม่เคยเจอพนักงานขายชวนคุยอ่ะ ^^


ได้เล่มแรกกลับมาเล่มเดียวก่อน เปิดหนังสือ
และเริ่มต้นที่คำนำ (ซึ่งในเล่มนี้คือบทบรรณาธิการ)ก่อน
ตามแบบแผนการอ่านหนังสือของข้าพเจ้า เพื่อที่จะพบว่า บทบรรณาธิการทั้งหกหน้า
ถูกใช้ไปเพื่อเปิดใจคนอ่านให้เห็นว่าเชิงสังวาสที่จะได้อ่านต่อไปในหนังสือเล่มนี้
ก็เฉกเช่นเดียวกับที่ปรากฏในวรรณกรรมทุกยุคทุกสมัย
แตกต่างก็แต่ค่านิยม ความเชื่อของสังคม วัฒนธรรมประเพณีที่เปลี่ยนไป
แม้กระทั่งทัศนคติของเรื่องนี้ระหว่างสังคมไทย กับสังคมตะวันตกก็แตกต่างกัน


เฮ้ ! เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเป็นเพียงแค่นั้นจริงๆ เหตุไฉนต้องใช้บทบรรณาธิการถึงหกหน้าเชียวล่ะ ?


ข้อสงสัยนี้คลี่คลายไปทันทีที่อ่านหนังสือไปได้สักครึ่งเล่ม
โดยความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่า ฉากอีโรติกที่ผิดแผกไปจากบรรทัดฐานที่ปกติในหนังสือนั้น
เป็นเพียงแค่การเปิดเผยบางแง่มุมของโลกที่ถูกซ่อนไว้ในมุมมืด
แต่เราทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่จริง ให้นักอ่านได้อ่าน
และในฐานะนักอ่าน หากไม่พยายามตีโพยตีพายจนเกินงาม
มันก็คล้ายๆกับการที่ เราไม่เคยไปเที่ยวเมืองจีน แต่รู้ว่ามีเมืองจีนอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก
และรู้จักเมืองจีนได้ผ่านตัวหนังสือ ส่วนจะอยากไปเมืองจีนให้เห็นสิ่งที่ได้รู้กับตาหรือไม่นั้น
ก็ว่ากันไปตามรสนิยมของแต่ละบุคคลนั่นแล
..ก็แค่นั้น







แต่ที่ทำให้ขัดใจจริงๆ ไม่ใช่ "การมีอยู่" แต่เป็น "มีเยอะจนเกินพอดี" ของฉากดังว่าต่างหาก
จริงๆแล้วในบทแรกๆของหนังสือ สามารถเปิดตัว "คริสเตียน เกรย์" พระเอกของเรื่องได้อย่างน่าสนใจมาก
ด้วยคาแรคเตอร์ ของมหาเศรษฐีหนุ่ม (โคตร)หล่อ อารมณ์ซับซ้อน มีสเน่ห์และลึกลับ
แม้แต่ตอนที่เฉลยแล้วว่า เขาเป็นพวกที่มีรสนิยมทางเพศผิดแผกไปจากบรรทัดฐานปกติก็ตาม
แต่การปรากฏอยู่ของมุมที่มืดที่สุดของสีเทา
เพื่อสะท้อนถึงปมปัญหาจากภูมิหลังในอดีตที่ส่งผลกระทบถึงปัจจุบันนั้น
ก็ดูจะเพิ่มความหนักแน่นจริงจัง น่าค้นหาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
และชวนให้สงสัยว่า เขาจะกลับมาสู่ส่วนที่สว่างของสีเทาจางๆ ได้ไหม


น่าค้นหาและชวนให้สงสัย จนกระทั่งอ่านผ่านไปอีกครึ่งเล่มหลัง
ก็ยังพบว่า "ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีก นอกจากฉากดังว่า" ..ไปจนจบเล่มนั่นแหละ


เฮ้อ..
ขอไว้อาลัยให้หนังสือ และตัวเองที่อ่านไปจนจบเป็นเวลาหนึ่งนาที
นี่ถ้าหากอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ฉันก็คงต้องเสียเงินซื้อเล่มสองสินะ T^T


แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่มีดี
หากตัดความเยิ่นเย้อในส่วนที่ไม่จำเป็นต้อง เย้อออออออ ออกไป
(หรือจำเป็นก็ไม่รู้ เพราะคิดว่าส่วนหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก คงเพราะมีจุดขายที่แตกต่างออกไป)
ข้าพเจ้ารู้สึกชอบตัวละคร "คริสเตียน เกรย์" เป็นพิเศษ
จัดเป็นตัวละครที่มีสเน่ห์ แบบที่ไม่ถึงกับน่าหลงใหลคลั่งไคล้
(อย่างที่นางเอกของเรื่องรู้สึกได้อย่างเวอร์มาก)
แต่น่าสนใจค้นหา


ในห้าสิบเฉดของสีเทา มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ภาพตัวเราเองที่สะท้อนให้เห็นในกระจกเงา
กับภาพที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกนั้นแตกต่างกันอย่างสุดขอบคนละด้าน
และ คริสเตียน เกรย์ ก็มีชีวิตที่น่าเศร้าแบบนั้น


มันทำให้คนอ่านอย่างเราต้องมาทบทวนตัวเองว่า เราเคย "ตัดสิน"ใครว่าเป็นอย่างไรไปแล้วบ้าง
สิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็น และในสิ่งที่เขาเป็น ก็ยังมีเหตุผล เรื่องราว ที่มาที่ไปอีกมากมาย
ที่ถ้าหากเราไม่เคยพยายามจะเข้าใจ เราก็อาจจะเห็นและตัดสินกันง่ายๆ ว่า
"อี๋ วิตถาร"


บางสิ่งบางอย่าง บางวิถีทางในโลกนี้มันมีอยู่ และเป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าเราจะชอบ หรือไม่ชอบ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เข้าใจ หรือไม่เข้าใจก็ตาม
มันอาจจะเป็นส่วนสีเทาที่เข้มที่สุดในชีวิตของคนคนหนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่านั่นคือสิ่งที่แสดงตัวตนทั้งหมดของคนคนนั้น
เราทุกคนล้วนมีหลากหลายเฉดสีเทาที่แตกต่างกัน


และก็เพราะมีแสงสว่างมิใช่หรือที่ทำให้เกิดเงา :)